massage from god

massage from god
ไม่มีกลางคืน สำหรับผู้ที่มีพระอาทิตย์อยู่ในใจ

วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

คริสต์: นิยามแห่งรัก


เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ความเชื่อตามคำสอนแต่โบราณที่ว่า
"ที่ใดที่มีรัก ที่นั่นมีทุกข์" นั้น
มันเป็นแค่ความจริงในระดับโลกียะเท่านั้น

ความจริงในระดับโลกียะธรรม
เป็นความจริงที่ท่านสามารถ
ใช้กลไกจิตหยาบกับสมองซีกซ้าย
คิดทำความเข้าใจกันนั่นเอง
มันจึงถูกต้องเพียงแค่ระดับต้นเท่านั้น

ถ้าท่านจะเข้าใจนัยที่แท้จริงของความรัก
ที่ลึกซึ้งแยบยลยิ่งกว่าและถูกต้องกว่าแล้ว
ท่านยังมีปัญญาญาณของสมองซีกขวา
รอท่าให้ท่านใช้เพื่อการคิดเข้าใจ
ในเรื่องของความรักในมิติที่สูงยิ่งกว่าอยู่อีกด้วย

หากจะสาธยายให้เข้าใจ
ถึงนัยความหมายของ "ความรัก"
จากความต่างของสมองสองซีกแล้วล่ะก็
พอจะกล่าวให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมได้ว่า

ความรักตามแนวคิดของสมองซีกซ้าย
หมายถึง "การรักเพื่อเอา" ....

รักเพื่อเอาเป็นความรักที่ต้องการสิ่งตอบแทน
หมายถึง ความรักที่ต้องการ "รักตอบ"จากผู้ที่ถูกรัก
หากรักเขาข้างเดียวผู้รักก็จะเกิดทุกข์
นี่เป็นรักที่ได้จากสมองซีกซ้ายนำขวา
เป็นความรักในระดับโลกียะนั่นเอง

ส่วนนัยความหมายของความรัก
ตามแนวคิดของสมองซีกขวา
อันเป็นสติปัญญาของจิตวิญญาณของมนุษย์
หมายถึง "การรักเพื่อให้" ....

รักเพื่อ "ให้" หมายถึง Love to Love
นั่นคือ รักเพื่อรัก โดยแท้

รักเพื่อรัก.............
เป็นรักเพื่อให้.............
เป็นรักที่มิได้ประสงค์ประโยชน์ใดตอบแทน
เป็นรักที่มิต้องมีสิ่งใดเป็นเงื่อนไขให้รัก
เป็นรักที่ผู้รักมีความสุขความพึงใจที่ตนได้รัก
เป็นรักที่ผู้รักมีความสุขเมื่อได้รู้เห็นว่าผู้ที่ตนรักเป็นสุข

ดังนั้น...หากท่านมีคนรัก
ท่านก็ควรจะต้องรู้ว่า......
ตัวแทนแห่งความรักน่ะ
คือ ความร้อนและแสงสว่าง

สำหรับ "ความร้อน" นั้นในที่นี้
เราหมายถึง "ความอบอุ่น"
ซึ่งทั้งสองฝ่ายจักต้องร่วมกันสร้างมันขึ้นมา
ผ่านความรู้สึกอบอุ่นใจ
อันได้จากความไว้วางใจในกันและกัน
กับความอบอุ่นกาย
อันได้จากการสัมผัสใกล้ชิดกัน

สำหรับ "แสงสว่าง" นั้นในที่นี้
เราหมายถึง แสงสว่างแห่ง "ความหวัง"
อันเป็นความหวังใหม่ใดๆที่ทั้งสองฝ่าย
จักต้องสร้างสรรค์มันขึ้นมาด้วยกัน

สำหรับ "แสงสว่าง" นั้นในที่นี้
เรายังหมายถึง แสงสว่างทาง "ปัญญา"
ที่คู่รักทั้งหลายจักต้องเข้าถึงมันให้ได้
แล้วหยิบมันขึ้นมาใช้ให้เป็
เพื่อการสร้างตนเองและสร้างชีวิตร่วมกัน

ส่วนแสงสว่างทางปัญญาในคนทั่วไปนั้น
หมายถึงการใช้ความฉลาดด้านการคิดทั้งหลาย
กล่าวคือ.....

คิดเพื่อที่จะยอมรับความแตกต่าง
คิดเพื่อที่จะสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน
คิดเพื่อที่จะเข้าถึงการให้อภัย
คิดเพื่อที่จะให้ความร่วมมือต่อกัน
คิดเพื่อที่จะปรับตัวเองนั้นเข้าหาผู้อื่น
.....เหล่านี้ เป็นต้น

ด้วยเหตุนี้เอง
เราจึงจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีสุข
ที่มีรักแล้วมึทุกข์ ก็เป็นเพราะรักไม่เป็น

เมื่อรักไม่เป็น
ท่านจึงยังต้องอกหักช้ำรักกันอยู่
เรียนรู้ความจริงดั่งนี้แล้
ความรักของท่าน
มันจักเสริมแรงให้ท่าน "จิตใส ใจสวย"
กันได้ง่ายขึ้น....

เอเมน....สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา
22-03-2015